微信客服
Telegram:guangsuan
电话联系:18928809533
发送邮件:xiuyuan2000@gmail.com

วิธีการผสมคำหลักเข้าในหัวข้ออย่างเป็นธรรมชาติ | 3 ขั้นตอนในการทำให้หัวข้อดึงดูดมากขึ้น

本文作者:Don jiang






วิธีใส่คีย์เวิร์ดในหัวข้อเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ

จากข้อมูลการค้นหาของ Google, 72% ของการคลิกจะอยู่ใน 3 อันดับแรก และหน้าเว็บที่มีคีย์เวิร์ดอยู่ในชื่อเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติจะมีการจัดอันดับสูงกว่าหน้าเว็บที่ยัดคีย์เวิร์ดโดยเฉลี่ย 15 อันดับ (จากการศึกษาของ Ahrefs) แต่หลายคนมักทำผิดพลาด 2 อย่างเวลาเขียนชื่อเรื่อง: ไม่ยัดคีย์เวิร์ดมากเกินไปจนดูเหมือน “ขั้นตอนและวิธีการซ่อมก๊อกน้ำรั่วล่าสุดปี 2024” หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงคีย์เวิร์ดไปเลย เช่น “วิธีซ่อมท่อน้ำที่รวดเร็วและดี” ซึ่งแบบแรกผู้ใช้ไม่อยากคลิก ส่วนแบบหลัง Google ก็ไม่เข้าใจ

จริงๆ แล้วคุณแค่ต้องใส่ใจใน 3 รายละเอียด:

  1. เลือกคำให้แม่นยำ: ใช้คำพูดที่ผู้ใช้จริงค้นหาบ่อยๆ (เช่น “ก๊อกน้ำหยดไม่หยุดทำไง” มีปริมาณการค้นหามากกว่า “เทคนิคการซ่อมก๊อกน้ำ” ถึง 8 เท่า)
  2. วางตำแหน่งให้ถูก: เมื่อวางคีย์เวิร์ดไว้ที่ต้นชื่อเรื่อง อัตราการคลิกจะสูงกว่าการวางไว้ท้ายชื่อเรื่อง 19% (ข้อมูลการทดลองจาก Moz)
  3. เขียนให้ลื่นไหล: เหมือนกับการพูดคุยและใส่ตัวเลขที่เจาะจงลงไป (เช่น “ซ่อมน้ำรั่วด้วยเงิน 10 บาท” มีอัตราการคลิกสูงกว่า “การซ่อมแซมต้นทุนต่ำ” ถึง 40%)

ต่อไปนี้คือ 3 ขั้นตอนพร้อมตัวอย่างการแก้ไขชื่อเรื่องจริง เพื่อบอกคุณถึงวิธีเขียนชื่อเรื่องที่ตรงกับพฤติกรรมการค้นหาและดึงดูดความสนใจไปพร้อมๆ กัน

วิธีใส่คีย์เวิร์ดในหัวข้อเรื่องอย่างเป็นธรรมชาติ

Table of Contens

วางคีย์เวิร์ดใน 3 ตำแหน่งของหัวข้อเรื่อง

งานวิจัยของ Google พบว่า หน้าเว็บที่มีคีย์เวิร์ดอยู่ใน 5 คำแรกของชื่อเรื่องมีอัตราการคลิกโดยเฉลี่ยสูงกว่าหน้าเว็บที่มีคีย์เวิร์ดอยู่ด้านหลังถึง 22% (ข้อมูลจาก Moz) แต่การวางคีย์เวิร์ดในตำแหน่งที่ถูกต้องเป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการทำให้มันดูเป็นธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น:

  • “ก๊อกน้ำรั่วซ่อมยังไง? 3 วิธีง่ายๆ” (คีย์เวิร์ดอยู่หน้า, เป็นธรรมชาติ)
  • “ซ่อมท่อน้ำด้วยตัวเอง: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับก๊อกน้ำรั่ว” (คีย์เวิร์ดอยู่กลาง, ชัดเจน)
  • “จัดการปัญหาก๊อกน้ำรั่วในห้องครัวให้จบใน 10 นาที” (คีย์เวิร์ดอยู่หลัง, สมบูรณ์)

ข้อมูลจากการทดลองแสดงให้เห็นว่า ชื่อเรื่องที่มีความยาว 50-60 ตัวอักษรจะมีอัตราการคลิกสูงสุด (Backlinko) ถ้าความยาวเกินกว่านี้ การแสดงผลบนมือถือจะถูกตัดออก และถ้าสั้นเกินไปก็อาจมีข้อมูลไม่เพียงพอ ต่อไป เราจะวิเคราะห์อย่างเจาะจงว่าคีย์เวิร์ดควรอยู่ในตำแหน่งใดของชื่อเรื่อง และวิธีหลีกเลี่ยงการยัดคีย์เวิร์ดแบบทื่อๆ

วางคีย์เวิร์ดใน 5 คำแรกของหัวข้อเรื่อง (ตำแหน่งที่ดีที่สุด)

ทำไมถึงได้ผล?

  • อัลกอริทึมของ Google จะให้ความสำคัญกับคำที่อยู่ต้นชื่อเรื่องก่อน ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับ
  • ผู้ใช้สามารถกวาดตามองแล้วยืนยันได้ทันทีว่าเป็นเนื้อหาที่ต้องการ ช่วยเพิ่มอัตราการคลิก

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“ก๊อกน้ำรั่วซ่อมยังไง? จบใน 5 นาที” (คีย์เวิร์ดอยู่หน้า, ชัดเจน)

“คู่มือซ่อมล่าสุดปี 2024: วิธีจัดการกับก๊อกน้ำรั่ว” (คีย์เวิร์ดอยู่หลัง, ไม่ตรงประเด็น)

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีคีย์เวิร์ดใน 5 คำแรก มีอันดับเฉลี่ยสูงกว่าชื่อเรื่องที่ไม่มีถึง 15% (Ahrefs)
  • ในการค้นหาบนมือถือ การแสดงผลของ 30 ตัวอักษรแรกจะตัดสินการคลิกถึง 70% (งานวิจัยของ Google)

สถานการณ์ที่เหมาะสม:

  • เมื่อผู้ใช้มีเจตนาการค้นหาที่ชัดเจน (เช่น “ซ่อมยังไง” “วิธีแก้ไข”)
  • คีย์เวิร์ดสั้น (ไม่เกิน 3-4 คำ)

วางคีย์เวิร์ดในกลางหัวข้อเรื่อง (สร้างสมดุลระหว่างข้อมูลและความน่าสนใจ)

ทำไมถึงได้ผล?

  • เหมาะสำหรับคีย์เวิร์ดที่ยาวขึ้นหรือต้องการคำอธิบายเพิ่มเติม
  • ทำให้ชื่อเรื่องอ่านลื่นไหลมากขึ้น ขณะที่ยังคงประสิทธิภาพด้าน SEO

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“ซ่อมด้วยตัวเอง: 3 วิธีแก้ไขก๊อกน้ำรั่ว” (คีย์เวิร์ดอยู่กลาง, เป็นธรรมชาติ)

“เคล็ดลับการซ่อมก๊อกน้ำรั่ว ฉบับล่าสุดปี 2024” (คีย์เวิร์ดอยู่หลัง, ข้อมูลไม่ชัดเจน)

ข้อมูลสนับสนุน:

  • หน้าเว็บที่มีคีย์เวิร์ดอยู่กลางชื่อเรื่องมีเวลาอยู่บนหน้านานกว่าหน้าเว็บที่ยัดคีย์เวิร์ดโดยเฉลี่ย 30% (SEMrush)
  • ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะคลิกชื่อเรื่องที่มีวิธีแก้ปัญหาที่เจาะจง (เช่น “3 วิธีแก้ไข”)

สถานการณ์ที่เหมาะสม:

  • คีย์เวิร์ดยาว (เช่น “ก๊อกน้ำในครัวน้ำหยดทำไงดี”)
  • ต้องการเพิ่มข้อมูลที่เป็นประโยชน์ (เช่น “ไม่ต้องใช้เครื่องมือ” “ต้นทุนต่ำ”)

วางคีย์เวิร์ดท้ายหัวข้อเรื่อง (เพื่อเสริมข้อมูลให้สมบูรณ์)

ทำไมถึงได้ผล?

  • เหมาะสำหรับกรณีที่ส่วนต้นของชื่อเรื่องดึงดูดความสนใจได้แล้ว และส่วนท้ายใช้เพื่อย้ำคีย์เวิร์ด
  • หลีกเลี่ยงการขึ้นต้นที่ยาวเกินไป ทำให้ชื่อเรื่องกระชับ

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“ซ่อมได้ด้วยเงิน 10 บาท! ซ่อมก๊อกน้ำรั่วแบบเร่งด่วน” (คีย์เวิร์ดอยู่หลัง, ผลลัพธ์ชัดเจน)

“ก๊อกน้ำรั่ว: วิเคราะห์สาเหตุและวิธีการซ่อม” (คีย์เวิร์ดอยู่หน้า, แต่ความน่าสนใจน้อย)

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีการอธิบายผลลัพธ์ (เช่น “ซ่อมแบบเร่งด่วน”) มีอัตราการเปลี่ยนลูกค้าสูงกว่า 18% (Unbounce)
  • ผู้ใช้เต็มใจที่จะคลิกชื่อเรื่องที่มีผลตอบแทนที่ชัดเจน (เช่น “ประหยัดค่าซ่อม”)

สถานการณ์ที่เหมาะสม:

  • ส่วนต้นของชื่อเรื่องดึงดูดความสนใจได้แล้ว (เช่น “ซ่อมได้ด้วยเงิน 10 บาท”)
  • คีย์เวิร์ดจำเป็นต้องใช้ร่วมกับผลลัพธ์ที่เจาะจง (เช่น “ซ่อมแบบเร่งด่วน” “แก้ปัญหาแบบถาวร”)

การยัดคีย์เวิร์ด vs. การใส่คีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อเสียของการยัดคีย์เวิร์ด:

  • Google อาจตัดสินว่าเป็น “การยัดคีย์เวิร์ด” ทำให้การจัดอันดับลดลง
  • ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมชาติ ไม่อยากคลิก

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“วิธีซ่อมก๊อกน้ำรั่วเทคนิคคู่มือการแก้ไข” (ยัดคีย์เวิร์ด, ไม่เป็นธรรมชาติ)

“ก๊อกน้ำรั่ว? ซ่อมเองประหยัดไป 200 บาท” (เป็นธรรมชาติ, น่าสนใจ)

วิธีตรวจสอบว่าชื่อเรื่องเป็นธรรมชาติหรือไม่?

  1. ลองอ่านออกเสียง ดูว่าเหมือนกับการพูดคุยปกติหรือไม่
  2. เมื่อตัดคีย์เวิร์ดออก ชื่อเรื่องยังคงมีความหมายหรือไม่
  3. ชื่อเรื่องมีคุณค่าเพิ่มเติมหรือไม่ (เช่น “ประหยัดเวลา” “ประหยัดเงิน”)

ใช้เครื่องมือเพื่อปรับความยาวของชื่อเรื่องและน้ำหนักของคีย์เวิร์ด

แนะนำให้ใช้ CoSchedule Headline Analyzer เพื่อตรวจสอบ:

  • ความยาว: 50-60 ตัวอักษรเหมาะสมที่สุด (เป็นมิตรกับมือถือ)
  • ตำแหน่งคีย์เวิร์ด: อยู่ใน 5 คำแรกหรือตำแหน่งที่เห็นได้ชัดหรือไม่
  • ความสามารถในการอ่าน: คะแนน 70+ ถือว่าผ่าน

ตัวอย่างการปรับปรุง:

  • ชื่อเรื่องเดิม: “วิธีการซ่อมก๊อกน้ำรั่ว” (สั้นเกินไป, ข้อมูลไม่เพียงพอ)
  • ปรับปรุงแล้ว: “ก๊อกน้ำรั่ว? 3 วิธีซ่อมให้จบใน 10 นาที” (มีคีย์เวิร์ด + แผนการที่เจาะจง)

วิธีปฏิบัติที่ทำให้ชื่อเรื่องน่าสนใจยิ่งขึ้น

จากการวิเคราะห์บทความ 100 ล้านชิ้นของ BuzzSumo, ชื่อเรื่องที่มีตัวเลขที่เจาะจง (เช่น “3 วิธี”) มีอัตราการคลิกสูงกว่าชื่อเรื่องปกติ 36% ในหน้าผลการค้นหาของ Google (SERP) ชื่อเรื่อง 3 อันดับแรกโดยเฉลี่ยมีผลประโยชน์ที่ชัดเจน 1.2 อย่าง (เช่น “ประหยัดเงิน” “ประหยัดเวลา”) ตัวอย่างเช่น:

  • “ก๊อกน้ำรั่ว? ซ่อมเสร็จใน 5 นาที ประหยัดเงิน 200 บาท” (มีตัวเลข + ผลลัพธ์) มีอัตราการคลิกสูงกว่า “คู่มือซ่อมก๊อกน้ำรั่ว” ถึง 47%
  • “ท่อน้ำทิ้งในครัวตัน? จัดการได้ด้วยหลอดดูดอันเดียว” (วิธีที่เจาะจง) มีการแชร์มากกว่าชื่อเรื่องปกติถึง 2 เท่า

ผู้ใช้ใช้เวลาโดยเฉลี่ย 2.3 วินาที ในการตัดสินใจว่าจะคลิกหรือไม่ (ข้อมูลจาก Chartbeat) ดังนั้นชื่อเรื่องต้องให้เหตุผลในการคลิกภายใน 10 คำแรก ต่อไปนี้คือการวิเคราะห์ 5 วิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วในการเพิ่มอัตราการคลิก

ใส่ตัวเลขที่เจาะจง – ทำให้ข้อมูลน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

ทำไมถึงได้ผล?

  • ตัวเลขสามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็ว (“5 นาที” ชัดเจนกว่า “รวดเร็ว”)
  • ผู้ใช้โดยไม่รู้ตัวจะคิดว่าตัวเลขแสดงถึง “วิธีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว”

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีตัวเลขคี่มีอัตราการคลิกสูงกว่าตัวเลขคู่ 15% (ข้อมูลจาก Content Science)
  • การใช้ถ้อยคำแบบ “3 วิธี” “5 ขั้นตอน” เป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะจดจำง่าย

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“ก๊อกน้ำรั่ว? 3 วิธีซ่อมให้จบใน 10 นาที” (ตัวเลข + เวลาที่ชัดเจน)

“วิธีการซ่อมก๊อกน้ำรั่วหลายวิธี” (ไม่ชัดเจน)

สถานการณ์ที่เหมาะสม:

  • เนื้อหาประเภทสอน (ขั้นตอน, วิธี, เคล็ดลับ)
  • เมื่อต้องการวัดผลลัพธ์ (เช่น “ประหยัดค่าไฟ 30%”)

เน้นผลลัพธ์หรือประโยชน์ – ตอบคำถาม “ฉันจะได้อะไรจากเรื่องนี้”

ทำไมถึงได้ผล?

  • ผู้ใช้ค้นหาเพื่อแก้ปัญหา การบอกผลลัพธ์โดยตรงจึงน่าสนใจกว่า
  • Google มีแนวโน้มที่จะแนะนำชื่อเรื่องที่มีเจตนาในการแก้ปัญหาที่ชัดเจน

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีคำว่า “ประหยัดเงิน” “ไม่ต้องใช้เครื่องมือ” มีอัตราการเปลี่ยนลูกค้าสูงกว่า 22% (Unbounce)
  • รูปแบบชื่อเรื่องที่ใช้ปัญหาเชิงลบ + ผลลัพธ์เชิงบวก (เช่น “น้ำรั่ว? ซ่อมแบบนี้แก้ได้ถาวร”) มีอัตราการคลิกสูงสุด

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“ท่อน้ำทิ้งในครัวตัน? จัดการด้วยหลอดดูดอันเดียว 5 วินาทีก็โล่ง” (ปัญหา + วิธีแก้ที่เจาะจง)

“สาเหตุและวิธีการจัดการกับท่อน้ำทิ้งตัน” (ไม่มีประโยชน์โดยตรง)

สถานการณ์ที่เหมาะสม:

  • เนื้อหาประเภทซ่อมแซม, DIY, การประหยัดเงิน
  • เมื่อต้องการเน้นความแตกต่างจากคู่แข่ง

ใช้ประโยคคำถาม – เพื่อให้เข้ากับพฤติกรรมการค้นหาของผู้ใช้

ทำไมถึงได้ผล?

  • 40% ของการค้นหาเริ่มต้นด้วยคำถาม (เช่น “ทำยังไง” “วิธีการ”)
  • ชื่อเรื่องที่เป็นประโยคคำถามมีโอกาสปรากฏใน Google Featured Snippet ได้สูงกว่า

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่เริ่มต้นด้วย “ทำไม” มีการแชร์สูงกว่าประโยคบอกเล่าถึง 25% (BuzzSumo)
  • ชื่อเรื่องแบบคำถาม + วิธีแก้ปัญหา (เช่น “ตู้เย็นเป็นน้ำแข็ง? ทำแบบนี้ก็แก้ได้เลย”) มีการจัดอันดับที่สูงกว่า

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“ทำไมแอร์น้ำหยด? สวิตช์เดียวก็แก้ได้” (คำถาม + วิธีแก้)

“การวิเคราะห์สาเหตุที่แอร์น้ำหยด” (ไม่มีวิธีแก้)

สถานการณ์ที่เหมาะสม:

  • เนื้อหาประเภทอธิบาย, การแก้ปัญหา
  • เมื่อต้องการกระตุ้นความอยากรู้ของผู้ใช้

ใส่เวลาหรือต้นทุน – ลดอุปสรรคในการตัดสินใจของผู้ใช้

ทำไมถึงได้ผล?

  • คำว่า “รวดเร็ว” “ราคาถูก” ช่วยลดความรู้สึกหนักใจของผู้ใช้
  • ผู้ใช้เต็มใจที่จะคลิกเนื้อหาที่ดูเหมือนจะทำได้ง่าย

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีค่าใช้จ่ายที่เจาะจงเช่น “5 นาที” “10 บาท” มีอัตราการคลิกสูงกว่า 33% (HubSpot)
  • การใช้ถ้อยคำแบบ “ไม่ต้องถอด” “ไม่ต้องใช้เครื่องมือ” สามารถเพิ่มอัตราการบันทึกได้ 20%

เปรียบเทียบตัวอย่าง:

“ชักโครกตัน? ถุงพลาสติกใบเดียวก็โล่งใน 5 นาที” (ต้นทุนต่ำ + ประหยัดเวลา)

“วิธีการจัดการกับชักโครกตันอย่างครบถ้วน” (ไม่มีความเร่งด่วน)

สถานการณ์ที่เหมาะสม:

  • เนื้อหาประเภทเคล็ดลับในชีวิตประจำวัน, การซ่อมแซมฉุกเฉิน
  • เมื่อกลุ่มเป้าหมายเป็นมือใหม่ที่กลัวความยุ่งยาก

หลีกเลี่ยงการพูดเกินจริง – รักษาความน่าเชื่อถือ

ความผิดพลาดที่พบบ่อย:

  • การใช้ถ้อยคำแบบ “ได้ผลแน่นอน” “แก้ได้ 100%” อาจถูก Google ตัดสินว่าเกินจริง
  • ผู้ใช้ไม่ค่อยเชื่อชื่อเรื่องที่เกินจริง ทำให้มีอัตราการออกจากหน้าเว็บสูงขึ้น

วิธีแก้ไข:

“ตู้เย็นเป็นน้ำแข็ง? ลองวิธีนี้ดู ส่วนใหญ่ได้ผล” (เหลือช่องว่างไว้บ้าง)

“ตู้เย็นเป็นน้ำแข็ง? แก้ได้ในเสี้ยววินาที” (ไม่สมจริง)

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีคำว่า “ลองดู” “ส่วนใหญ่” ซึ่งเป็นคำช่วย มีเวลาที่ผู้ใช้อยู่บนหน้านานขึ้น 15% (ข้อมูลจาก Medium)
  • ชื่อเรื่องที่น่าเชื่อถือมีการจัดอันดับที่คงที่กว่าในผลการค้นหา

ลองอ่านหัวข้อเรื่องออกเสียงดูว่าลื่นไหลหรือไม่

งานวิจัยของ Google พบว่า ชื่อเรื่องที่มีความยากในการอ่านต่ำ (ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6) มีอัตราการคลิกสูงกว่าชื่อเรื่องที่ซับซ้อนถึง 28% (ที่มาของข้อมูล: Yoast) แต่ผู้สร้างสรรค์เนื้อหาหลายคนไม่เคยอ่านชื่อเรื่องที่เขียนเสร็จแล้วออกเสียงเพื่อตรวจสอบ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องความไม่ลื่นไหลและดูไม่เป็นธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น:

  • “ขั้นตอนวิธีการซ่อมก๊อกน้ำรั่วล่าสุดปี 2024” (17 ตัวอักษร, ยัดคีย์เวิร์ด, ฟังดูเหมือนหุ่นยนต์)
  • “ก๊อกน้ำรั่ว? 3 นาทีจะสอนวิธีซ่อม” (12 ตัวอักษร, เป็นภาษาพูด, เป็นธรรมชาติและลื่นไหล)

ข้อมูลจากการทดลองแสดงให้เห็นว่า:

  • ผู้ใช้ใช้เวลาโดยเฉลี่ย 0.8 วินาที ในการตัดสินว่าชื่อเรื่องลื่นไหลหรือไม่ (งานวิจัยการติดตามการเคลื่อนไหวของสายตาของ NNGroup)
  • ชื่อเรื่องที่มีคำขยายเกิน 3 คำ (เช่น “ล่าสุด” “ครบถ้วน” “มีประโยชน์”) มีอัตราการออกจากหน้าเว็บสูงกว่า 40%
  • ชื่อเรื่องที่แสดงบนมือถือเกิน 60 ตัวอักษร มีอัตราการอ่านจนจบที่ลดลง 35%

เป็นธรรมชาติเหมือนกับการพูดคุย

วิธีการ:

เมื่อเขียนชื่อเรื่องเสร็จแล้ว ให้อ่านออกเสียงเพื่อตรวจสอบว่าตรงตามเกณฑ์ดังนี้หรือไม่:

  • ไม่เกิน 15 คำ (ความยาวที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภาษาไทย)
  • ไม่มีการเรียงกันของคำนาม/คำกริยาเกิน 3 คำติดต่อกัน
  • หยุดพักเหมือนกับการพูดคุยปกติ

กรณีที่ล้มเหลว vs กรณีที่ปรับปรุงแล้ว:

❌ “เครื่องปรับอากาศประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลงวิเคราะห์สาเหตุและเทคนิคการซ่อมแซมแก้ไข” (18 ตัวอักษร, ยัดคำนาม)

✅ “แอร์ไม่เย็น? 3 สาเหตุที่พบบ่อยพร้อมวิธีซ่อม” (13 ตัวอักษร, มีจังหวะหยุดแบบภาษาพูด)

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องแบบภาษาพูดมีการแชร์มากกว่าชื่อเรื่องที่เป็นทางการถึง 62% (BuzzSumo)
  • ชื่อเรื่องที่มีเครื่องหมายคำถามจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1.8 วินาที (Chartbeat)

ควบคุมความยาวของชื่อเรื่อง

มาตรฐานทองคำ:

  • บนคอมพิวเตอร์: 50-60 ตัวอักษร (รวมช่องว่าง)
  • บนมือถือ: ไม่เกิน 8 ตัวอักษรต่อบรรทัด (เพื่อป้องกันการขึ้นบรรทัดใหม่)

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • ใช้ฟังก์ชัน “นับคำ” ของ Word เพื่อตรวจสอบจำนวนตัวอักษร
  • พิมพ์ชื่อเรื่องลงในแอปจดบันทึกบนมือถือ เพื่อดูว่ามีการขึ้นบรรทัดใหม่อัตโนมัติหรือไม่

ตัวอย่างที่ผิด:

“ฉบับล่าสุดปี 2024 การวิเคราะห์สาเหตุท่อน้ำทิ้งในครัวตันแบบครบถ้วนพร้อมคู่มือวิธีซ่อมแบบ DIY” (แสดงผลเต็มบนคอมพิวเตอร์ แต่บนมือถือจะขึ้นบรรทัดใหม่เป็น 3 บรรทัด)

หลีกเลี่ยงการใช้คำขยายที่เกินความจำเป็น

คำที่ควรจำกัดการใช้:

  • ประเภทเวลา: ล่าสุด/2024/ฉบับใหม่ (ยกเว้นเมื่อจำเป็น)
  • ประเภทระดับ: ครบถ้วน/สมบูรณ์/สิ้นเชิง
  • ประเภทการรับประกัน: แน่นอน/100%/ต้องดู

วิธีปรับปรุง:

ประโยคเดิม: “5 วิธีที่ได้ผลแน่นอนเพื่อแก้ปัญหาตู้เย็นเป็นน้ำแข็งได้อย่างสิ้นเชิง”

ปรับปรุงแล้ว: “ตู้เย็นเป็นน้ำแข็ง? 5 วิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลจริง”

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีคำว่า “ล่าสุด” “แน่นอน” มีความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้น้อยกว่า 37% (Nielsen Norman Group)
  • ชื่อเรื่องที่มีการใช้ถ้อยคำเป็นกลางมีอัตราการเปลี่ยนลูกค้าที่คงที่กว่า (การทดสอบ A/B ของ Unbounce)

ตรวจสอบความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด

ขอบเขตที่เหมาะสม:

  • คีย์เวิร์ดหลักปรากฏ 1-2 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงคำที่มีความหมายเหมือนกันซ้ำซ้อน (เช่น “ซ่อมแซม” และ “แก้ไข” ที่ปรากฏพร้อมกัน)

เครื่องมือตรวจสอบ:

  • SEO Writing Assistant ของ SEMrush (เวอร์ชันฟรีตรวจสอบความหนาแน่นของคีย์เวิร์ดได้)
  • วิธีง่ายๆ: ใช้ Ctrl+F เพื่อค้นหาจำนวนครั้งที่คีย์เวิร์ดซ้ำ

ตัวอย่างที่ผิด:

“วิธีการซ่อมแซมเครื่องซักผ้าที่รั่ว: ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาการรั่วไหล” (“รั่ว” ซ้ำ 2 ครั้ง, “ซ่อมแซม/แก้ไข” ซ้ำซ้อน)

หลักเกณฑ์การใช้สัญลักษณ์พิเศษ

สัญลักษณ์ที่แนะนำ:

  • เครื่องหมายคำถาม (?): ใช้สำหรับชื่อเรื่องที่เป็นคำถาม
  • เส้นคั่นแนวตั้ง (|): ใช้สำหรับแบ่งบนคอมพิวเตอร์ ควรหลีกเลี่ยงบนมือถือ
  • วงเล็บ (): ใช้เมื่อต้องการเพิ่มข้อมูลเสริม ไม่เกิน 5 ตัวอักษร

การทดสอบการแสดงผลบนมือถือ:

แสดงผลดีบนคอมพิวเตอร์: “วิธีขจัดกลิ่นตู้เย็น | เปรียบเทียบ 3 วิธี”

ปรับปรุงสำหรับมือถือ: “วิธีขจัดกลิ่นตู้เย็น: เปรียบเทียบ 3 วิธี”

ข้อมูลสนับสนุน:

  • ชื่อเรื่องที่มีเส้นคั่นแนวตั้งมีอัตราการคลิกบนมือถือต่ำกว่า 19% (ข้อมูลจาก Google Search Console)
  • เนื้อหาในวงเล็บที่เกิน 7 ตัวอักษร จะทำให้อัตราการอ่านจนจบเรื่องลดลง 50%

เทคนิคการแทนที่ด้วยคำพ้องความหมาย

คลังคำที่สามารถแทนที่ได้บ่อยๆ:

  • ซ่อมแซม → ซ่อม/จัดการ/แก้ไข
  • วิธี → เคล็ดลับ/แนวทาง/โซลูชัน
  • ปัญหา → สถานการณ์/เรื่อง

ตัวอย่างการนำไปใช้:

ประโยคเดิม: “5 วิธีซ่อมปัญหาโทรศัพท์ชาร์จช้า”

ปรับปรุงแล้ว: “โทรศัพท์ชาร์จช้า? 5 วิธีแก้ไข”

การทดสอบการแสดงผลบนหลายอุปกรณ์

ต้องตรวจสอบการแสดงผลดังต่อไปนี้:

  • ผลการค้นหาของ Google บนคอมพิวเตอร์ (แสดงผลสูงสุด 60 ตัวอักษร)
  • ผลการค้นหาบนมือถือ (แสดงผลสูงสุด 30-40 ตัวอักษร)
  • ตำแหน่งที่ถูกตัดอัตโนมัติเมื่อแชร์บนโซเชียลมีเดีย

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • “รายงานประสิทธิภาพ” ใน Google Search Console เพื่อดูความยาวที่แสดงผลจริง
  • metatags.io เพื่อดูตัวอย่างการแสดงผลบนแพลตฟอร์มต่างๆ

จำไว้ว่า: ชื่อเรื่องที่ดี = ผู้ใช้เข้าใจในทันที + Google แนะนำได้ + อ่านออกเสียงแล้วลื่นไหล ลองใช้วิธีนี้กับชื่อเรื่องบทความของคุณตอนนี้เลย


Picture of Don Jiang
Don Jiang

SEO本质是资源竞争,为搜索引擎用户提供实用性价值,关注我,带您上顶楼看透谷歌排名的底层算法。

最新解读
滚动至顶部