ขั้นตอนการใช้ Semrush อย่างง่าย:
- สมัครและเข้าสู่ระบบ: ลงทะเบียนบัญชีบนเว็บไซต์ทางการและเลือกแผนที่เหมาะสม
- เพิ่มโปรเจกต์: เพิ่มเว็บไซต์ของคุณใน「Projects」
- วิจัยคีย์เวิร์ด: ใช้「Keyword Magic Tool」เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่มีการแข่งขันต่ำ (KD<30)
- ปรับแต่งเนื้อหา: ใช้「SEO Writing Assistant」เพื่อตรวจสอบคะแนนบทความ (มากกว่า 60 ถือว่าผ่าน)
- ติดตามอันดับ: ใช้「Position Tracking」เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงอันดับของคีย์เวิร์ดหลัก
- ดูแลเป็นประจำ: ตรวจสอบปัญหาทางเทคนิค (Site Audit) และอัปเดตเนื้อหาทุกสัปดาห์ (ใช้เวลาเพียง 10 นาที)
หากคุณใช้ Semrush ทำ SEO แต่ปริมาณทราฟฟิกค้างอยู่ที่ 300~1000 และไม่เพิ่มขึ้น ปัญหาอาจอยู่ใน 3 จุดนี้:
- เลือกคีย์เวิร์ดผิด — จากข้อมูลของ Semrush พบว่า 85% ของผู้ดูแลเว็บไซต์ใช้「Keyword Magic Tool」โดยดูแค่ปริมาณการค้นหา แต่ละเลยค่า KD (ความยากของคีย์เวิร์ด) จริงๆ แล้ว คีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหา 500~2000 และ KD ต่ำกว่า 30 คือเป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางและเล็ก เช่น “แนะนำเครื่องชงกาแฟแบบพกพา” มีการแข่งขันน้อยกว่า “เครื่องชงกาแฟ” ถึง 4 เท่า แต่มีศักยภาพในการดึงทราฟฟิกมากกว่า 3 เท่า
- เนื้อหาไม่เทียบกับคู่แข่ง — การวิเคราะห์ของ「SEO Content Template」จากบทความกว่า 2 ล้านชิ้นในหน้าอันดับต้นๆ พบว่า 70% ของบทความที่มีอันดับดี มีข้อมูลมากกว่าคู่แข่ง 15%~20% เช่น หากบทความรีวิวเครื่องชงกาแฟของคุณไม่ได้พูดถึง “ความยากในการทำความสะอาด” หรือ “ขนาดถังน้ำ” โอกาสที่จะติดอันดับ Top 5 จะน้อยมาก
- ละเลยปัญหาทางเทคนิค — การทำ「Site Audit」เดือนละครั้งสามารถค้นหา 30% ของปัญหาที่เจ้าของเว็บไซต์ส่วนใหญ่ไม่รู้ตัว เช่น หากหน้าเว็บบนมือถือโหลดเกิน 3 วินาที ทราฟฟิกแบบออร์แกนิกอาจหายไปถึง 53% (ข้อมูลจากอัลกอริทึมหลักของ Google ปี 2024)

Table of Contens
Toggleให้ Semrush ช่วยคุณหาคีย์เวิร์ดที่ทำอันดับได้ง่ายที่สุด
หากคุณเลือกคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาสูงโดยไม่คิดมากแล้วเขียนบทความ มีโอกาสสูงมากที่คุณจะเสียเวลาเปล่า จากฐานข้อมูลของ Semrush พบว่า กว่า 60% ของคีย์เวิร์ดไม่เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดกลางและเล็ก — เพราะบางคำมีการแข่งขันสูงเกินไป (KD > 50) หรือบางคำแม้มีการค้นหาสูง (เช่น 5000) แต่คลิกจริงไม่ถึง 300
วิธีที่ได้ผลจริงคือ คัดเลือกคีย์เวิร์ดแบบ Long-tail ที่มี KD 15~30 และปริมาณค้นหา 300~2000 คำเหล่านี้มี 3 ข้อดี:
- มีโอกาสติดอันดับสูง: จากการติดตามเว็บไซต์กว่า 500,000 แห่งของ Semrush พบว่า คีย์เวิร์ดที่มี KD ต่ำกว่า 30 มีโอกาส 78% ที่จะติดหน้า 1-3 ของ Google ภายใน 6 เดือน ขณะที่ KD มากกว่า 50 มีโอกาสเพียง 12%
- ทราฟฟิกมีคุณภาพมากกว่า: เช่น “แนะนำเครื่องชงกาแฟสำหรับบ้าน” มีปริมาณค้นหา (1200/เดือน) เพียง 2.6% ของคำว่า “เครื่องชงกาแฟ” (45000/เดือน) แต่มีอัตราการแปลงสูงกว่า 5 เท่า (ข้อมูลจาก Shopify)
- เขียนเนื้อหาได้ง่ายกว่า: คีย์เวิร์ดที่มี KD ต่ำมักมีเจตนาการค้นหาที่ชัดเจน เช่น “วิธีล้างตะกรันเครื่องชงกาแฟ” เขียนได้ง่ายกว่า “รีวิวเครื่องชงกาแฟ” ที่เนื้อหากว้าง
ต่อไปนี้คือวิธีใช้งานอย่างละเอียด
ใช้「Keyword Magic Tool」เพื่อคัดกรองขั้นต้น
ใน Semrush ใส่คีย์เวิร์ดหลักของคุณ (เช่น “เครื่องชงกาแฟ”) เครื่องมือจะคืนค่าคำที่เกี่ยวข้องนับพันคำ จากนั้นให้กรองตาม 3 ขั้นตอน:
ขั้นตอนที่ 1: ตามปริมาณการค้นหา
เลือกช่วง “100~2000” คำที่มีการค้นหาน้อยกว่า 100 อาจไม่เพียงพอในการสร้างทราฟฟิก ส่วนคำที่มากกว่า 2000 มักมีการแข่งขันสูง
ตัวอย่าง:
| คีย์เวิร์ด | ปริมาณค้นหา | ค่า KD |
|---|---|---|
| เครื่องชงกาแฟ | 45,000 | 82 |
| แนะนำเครื่องชงกาแฟสำหรับบ้าน | 1,200 | 28 |
| วิธีล้างตะกรันเครื่องชงกาแฟ | 800 | 19 |
ขั้นตอนที่ 2: ตามค่า KD
ตั้งช่วง “0~30” ค่า KD เป็นตัวชี้วัดเฉพาะของ Semrush ยิ่งค่าต่ำ ยิ่งติดอันดับได้ง่าย ค่าประมาณ 30 ถือว่าเหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดกลางหรือเล็ก ส่วนค่ามากกว่า 50 มักต้องใช้เว็บไซต์ขนาดใหญ่ในการแข่งขัน
ขั้นตอนที่ 3: ตามประเภทการคลิก
ใน “Advanced filters” ให้เลือก “Question” (คำถาม) และ “Commercial” (เชิงพาณิชย์) คำสองประเภทนี้มักมีโอกาสแปลงสูงกว่า
ตัวอย่าง:
- คำถาม: “ทำไมเครื่องชงกาแฟไม่ปล่อยไอน้ำ” (ค้นหา 320 ครั้ง, KD 14)
- เชิงพาณิชย์: “รหัสส่วนลดเครื่องชงกาแฟ nespresso” (ค้นหา 650 ครั้ง, KD 22)
ใช้「Competitor Analysis」เพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้
แม้คีย์เวิร์ดจะมี KD ต่ำ แต่ถ้า 3 อันดับแรกเป็นเว็บไซต์ใหญ่ (เช่น Amazon, Wikipedia) ความยากจริงอาจสูงกว่าที่เครื่องมือแสดง ให้ตรวจสอบตามขั้นตอนนี้:
ใน「Keyword Overview」ใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมาย แล้วคลิก “SERP Analysis” เพื่อดูเว็บไซต์อันดับต้น ๆ
สิ่งที่ควรดูมี 2 อย่าง:
- คะแนนอำนาจโดเมน (Authority Score): หาก 3 อันดับแรกมี AS มากกว่า 70 (เช่น Wirecutter=92) แนะนำให้ข้ามคำนั้น
- ความยาวของเนื้อหา: หากบทความของคู่แข่งมีมากกว่า 3000 คำ คุณควรเพิ่มเนื้อหาอย่างน้อย 20%
ตัวอย่างกรณีศึกษา:
คีย์เวิร์ด “วิธีทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟ” มี KD=21 ดูเหมือนง่าย แต่ผลการค้นหาอันดับแรกเป็นวิดีโอ YouTube (8 นาที) และอันดับสองคือบทความภาพประกอบของ WikiHow ในกรณีนี้บทความตัวอักษรล้วนจะสู้ได้ยาก ควรใช้รูปแบบวิดีโอหรือผสมภาพและข้อความแทน
ใช้「Keyword Gap」เพื่อหาคีย์เวิร์ดที่พลาดไป
วิธีนี้จะช่วยคุณหาคำที่คู่แข่งมีอันดับ แต่คุณยังไม่ได้ทำ ตามขั้นตอนนี้:
- เพิ่มเว็บไซต์คู่แข่ง 3~5 แห่งใน「Competitors」
- เรียกใช้รายงาน「Keyword Gap」และเลือก “Only keywords missing in your site” (แสดงเฉพาะคำที่คุณยังไม่มี)
- จัดเรียงตาม “KD จากน้อยไปมาก” แล้วเลือกคำที่ KD<25 และปริมาณค้นหา>300 ก่อน
ข้อมูลจริง:
บล็อกกาแฟแห่งหนึ่งใช้วิธีนี้และพบคำว่า “แรงดันเครื่องชงกาแฟไม่ขึ้น” (ค้นหา 420 ครั้ง, KD 17) จากนั้นเขียนบทความแก้ปัญหาเฉพาะด้าน และภายใน 3 เดือน ทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 210% (จาก 85 เป็น 263 ผู้เข้าชมต่อเดือน)
ดูแลฐานข้อมูลคีย์เวิร์ดระยะยาว
แนะนำให้อัปเดตรายการคีย์เวิร์ดทุกเดือน เพราะ:
- แนวโน้มการค้นหาเปลี่ยนไป: เช่น “เครื่องชงกาแฟแบบพกพา” มักถูกค้นหามากขึ้นในฤดูร้อน 35% (ข้อมูลจาก Google Trends)
- คู่แข่งมีการปรับกลยุทธ์: ใช้「Position Tracking」เพื่อตรวจสอบอันดับคีย์เวิร์ดหลัก หากอันดับลดลงเกิน 3 ตำแหน่ง ให้ตรวจสอบว่าเนื้อหาล้าสมัยหรือไม่
คำแนะนำในการบำรุงรักษา:
สร้างสเปรดชีต Google Sheets ใหม่เพื่อบันทึกข้อมูลรายเดือนของแต่ละคีย์เวิร์ด:
| คีย์เวิร์ด | ปริมาณการค้นหา | ค่า KD | อันดับปัจจุบัน | การมีส่วนร่วมของทราฟฟิก |
|---|---|---|---|---|
| เครื่องชงกาแฟในบ้านแนะนำ | 1,200 | 28 | หน้า 2 ลำดับที่ 5 | 85/เดือน |
| ขจัดคราบตะกรันเครื่องชงกาแฟ | 800 | 19 | หน้า 1 ลำดับที่ 8 | 120/เดือน |
สำหรับคีย์เวิร์ดที่อันดับคงที่เกิน 3 เดือน ให้พิจารณา:
- เพิ่มความยาวของเนื้อหา (อ้างอิงจำนวนคำเฉลี่ยของบทความที่อยู่อันดับสูงกว่า)
- เพิ่มภาพหรือวิดีโอประกอบเพิ่มเติม (ตามข้อมูลของ Semrush บทความที่มีวิดีโอมีเวลาเฉลี่ยในการเข้าชมยาวขึ้น 40%)
ข้อควรระวัง
- อย่าพึ่งพาข้อมูลจากเครื่องมือมากเกินไป:ปริมาณการค้นหาของ Semrush เป็นค่าประมาณ ทราฟฟิกจริงอาจคลาดเคลื่อนได้ ±15% แนะนำให้ใช้ข้อมูลคลิกจริงจาก Google Search Console มาปรับเทียบ
- ให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้ใช้ก่อน:แม้ว่าค่า KD จะต่ำ แต่ถ้าเจตนาการค้นหาไม่ชัดเจน (เช่น “เครื่องชงกาแฟ สีแดง”) ก็ยากที่จะสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่า
- จัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสม:ใช้เวลา 80% กับคีย์เวิร์ดที่มีค่า KD 15~30 อีก 20% สำหรับการทดสอบคีย์เวิร์ดยาก ตามสถิติของ Ahrefs วิธีนี้มี ROI สูงกว่าการไล่ตามคีย์เวิร์ดปริมาณสูงถึง 3 เท่า
(หมายเหตุ: ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจากฐานข้อมูลของ Semrush สหรัฐอเมริกา เดือนมีนาคม 2024 โปรดใช้เวอร์ชันล่าสุดในการปฏิบัติจริง)
ตรวจสอบบทความด้วย Semrush ว่าได้มาตรฐานหรือไม่
จากการวิเคราะห์เว็บไซต์ 1 ล้านหน้าโดย Semrush พบว่า บทความ 10 อันดับแรกมีจุดข้อมูลสำคัญมากกว่าบทความอันดับ 11–20 เฉลี่ย 35%
เช่น บทความ “คู่มือเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟ” ถ้าระบุเพียง 5 ประเด็น แต่คู่แข่งมี 8 ประเด็น ก็ยากที่จะได้อันดับดี
เครื่องมือ 「SEO Writing Assistant」 ของ Semrush ระบุว่า บทความที่ได้คะแนนเกิน 60 มีโอกาสติดหน้าแรก 3 หน้าแรกของ Google ถึง 78% ขณะที่ต่ำกว่า 50 มีโอกาสเพียง 23%
ต่อไปนี้เป็นการแนะนำการใช้ 4 ฟังก์ชันหลักของ Semrush (SEO Content Template, SEO Writing Assistant, Post Tracking, Content Audit) เพื่อยกระดับคุณภาพเนื้อหาอย่างเป็นระบบ
การใช้ 「SEO Content Template」
ก่อนเริ่มเขียน ให้ใช้เครื่องมือนี้เพื่อรับคำแนะนำโครงสร้างเนื้อหา โดยใส่คีย์เวิร์ดเป้าหมาย แล้วเครื่องมือจะให้ข้อมูลดังนี้:
ข้อกำหนดพื้นฐาน:
- จำนวนคำที่แนะนำ (อิงจากค่าเฉลี่ยของบทความที่อยู่อันดับสูง)
- ช่วงความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด (โดยทั่วไป 1.5–2.5%)
ตัวอย่าง: สำหรับ “เครื่องชงกาแฟในบ้านแนะนำ” Semrush แนะนำ 1,800–2,500 คำ และให้คีย์เวิร์ดปรากฏ 18–25 ครั้ง
คำที่เกี่ยวข้องที่ควรรวมอยู่:
เครื่องมือนี้จะแสดงคำที่เกี่ยวข้องเชิงความหมาย 10–15 คำ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคะแนนของเนื้อหา
ตัวอย่างตาราง:
| คำที่เกี่ยวข้อง | ความถี่ที่แนะนำ |
|---|---|
| ระดับการบด | 3–5 ครั้ง |
| ค่าแรงดัน | 2–4 ครั้ง |
| ความจุถังน้ำ | 3–6 ครั้ง |
คำแนะนำโครงสร้างเนื้อหา:
เครื่องมือนี้จะบอกว่าควรเพิ่ม FAQ ขั้นตอน หรือ ตารางเปรียบเทียบหรือไม่ จากข้อมูล บทความที่มีตารางเปรียบเทียบมีเวลาเฉลี่ยในการเข้าชมนานขึ้น 40%
การใช้ 「SEO Writing Assistant」
นำร่างบทความมาวางในเครื่องมือนี้เพื่อรับคะแนน 4 ด้าน (เต็ม 100 คะแนน):
ความอ่านง่าย (30%):
- ความยาวประโยคควรอยู่ระหว่าง 15–20 คำ
- ย่อหน้าไม่เกิน 4 บรรทัด
- คะแนนความอ่านง่าย Flesch ควรมากกว่า 60
ตัวอย่าง: “แรงดันของเครื่องชงกาแฟมีความสำคัญในกระบวนการสกัด” → “แรงดันของเครื่องชงกาแฟมีความสำคัญ” ทำให้คะแนนความอ่านง่ายเพิ่มขึ้น 12%
การปรับแต่ง SEO (40%):
- ตรวจสอบว่าการกระจายคีย์เวิร์ดเป็นธรรมชาติ
- อัตราการครอบคลุมคำที่เกี่ยวข้อง (ควรเกิน 80%)
- การปรับแต่งแท็กหัวข้อ (ความยาว 50–60 ตัวอักษร)
ความเป็นต้นฉบับ (20%):
ตรวจสอบความซ้ำซ้อนโดยเปรียบเทียบกับเนื้อหาทั้งหมดในอินเทอร์เน็ต บทความที่มีความซ้ำเกิน 25% มีความเสี่ยงอันดับลดลง 65%
โทนเสียง (10%):
วิเคราะห์การใช้บุรุษที่สอง (“คุณ”) และการใช้เสียงเชิงรุก จากข้อมูล บทความที่ใช้คำว่า “คุณ” มีอัตราการแปลงสูงขึ้น 17%
การใช้ 「Post Tracking」
หลังเผยแพร่บทความ ควรติดตามข้อมูล 3 ประเภทต่อเนื่อง:
การเปลี่ยนแปลงของอันดับ:
- ตั้งค่าการตรวจสอบรายวัน/รายสัปดาห์
- เน้นติดตามคีย์เวิร์ดที่อยู่หน้า 2 (อันดับ 11–20)
ตัวอย่าง: หลังเผยแพร่ 30 วัน คีย์เวิร์ด “วิธีขจัดคราบตะกรันเครื่องชงกาแฟ” จากอันดับ 18 ขึ้นสู่อันดับ 9
การเปลี่ยนแปลงของทราฟฟิก:
- เปรียบเทียบอัตราการเติบโตของทราฟฟิกแบบออร์แกนิก (ควรเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ภายใน 60 วัน)
- ตรวจสอบอัตราตีกลับ (หากเกิน 70% ต้องปรับปรุง)
อัตราการคลิก (CTR):
ใช้ข้อมูลจาก Search Console เพื่อตรวจสอบความน่าสนใจของหัวข้อ หาก CTR ต่ำกว่า 2% แนะนำให้ปรับหัวข้อใหม่
การใช้ 「Content Audit」
ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทุก 3–6 เดือน:
การวิเคราะห์การลดลงของทราฟฟิก:
- ระบุบทความที่ทราฟฟิกลดลงเกิน 30%
- เปรียบเทียบกับเนื้อหาที่อัปเดตใหม่ของคู่แข่ง
ตัวอย่าง: บทความ “เปรียบเทียบแบรนด์เครื่องชงกาแฟ” ทราฟฟิกลดลง 45% พบว่าคู่แข่งเพิ่มข้อมูลรุ่นใหม่ปี 2024
การวิเคราะห์ช่องว่างของเนื้อหา:
- ใช้เครื่องมือ 「Content Gap」 เพื่อหาหัวข้อที่คู่แข่งมีแต่คุณไม่มี
- เพิ่มรูปภาพ วิดีโอ หรือแผนภูมิข้อมูล
การแก้ไขปัญหาทางเทคนิค:
- ตรวจสอบลิงก์เสีย (ลิงก์เสียหนึ่งลิงก์อาจทำให้ทราฟฟิกลดลง 3–5%)
- เพิ่มความเร็วในการโหลดภาพ (หากเกิน 3 วินาที อัตราตีกลับสูงขึ้น 58%)
ใช้เวลา 10 นาทีต่อสัปดาห์เพื่อรักษาอันดับ
ตามข้อมูลของ Semrush เว็บไซต์ที่บำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ 10 นาทีต่อสัปดาห์ มีเสถียรภาพของอันดับคีย์เวิร์ดสูงกว่าเว็บไซต์ที่ไม่บำรุงรักษาถึง 83%
โดยเฉลี่ย เว็บไซต์ที่ดูแลดีมีความผันผวนของทราฟฟิกออร์แกนิกไม่เกิน 8% ต่อเดือน ในขณะที่เว็บไซต์ที่ไม่ดูแลอาจผันผวนถึง 35%
ตัวอย่างเช่น คีย์เวิร์ด “รีวิวเครื่องชงกาแฟ” เว็บไซต์ที่บำรุงรักษามีโอกาสขึ้นจากหน้า 4 ไปหน้า 2 ภายใน 6 เดือนถึง 62% ขณะที่เว็บไซต์ที่ไม่บำรุงรักษามีเพียง 24%
การติดตามอันดับ (3 นาทีต่อสัปดาห์)
ใช้เครื่องมือ 「Position Tracking」 ของ Semrush เพื่อเปิดการตรวจสอบอัตโนมัติ:
การติดตามคีย์เวิร์ดหลัก:
- เลือกคีย์เวิร์ดหลัก 20–30 คำ (ปริมาณการค้นหา 300+, KD 15–40)
- ตั้งค่าอัปเดตอัตโนมัติรายสัปดาห์
ตัวอย่างตาราง:
| คีย์เวิร์ด | อันดับปัจจุบัน | อันดับสัปดาห์ก่อน | การเปลี่ยนแปลง |
|---|---|---|---|
| เครื่องชงกาแฟในบ้านแนะนำ | หน้า 2 ลำดับที่ 3 | หน้า 2 ลำดับที่ 5 | ↑2 |
| วิธีขจัดคราบตะกรันเครื่องชงกาแฟ | หน้า 1 ลำดับที่ 8 | หน้า 1 ลำดับที่ 7 | ↓1 |
เน้นคีย์เวิร์ด 3 ประเภทต่อไปนี้:
- หน้า 2 (อันดับ 11–20): มีโอกาสพัฒนาได้สูง
- คีย์เวิร์ดที่ลดลงเกิน 3 อันดับ: ต้องให้ความสำคัญก่อน
- คีย์เวิร์ดที่อยู่หน้า 3–5 แต่มีปริมาณการค้นหาสูง: คำที่มีศักยภาพ
กลยุทธ์การตอบสนองอย่างรวดเร็ว:
- อันดับลดลง: ตรวจสอบว่าคู่แข่งอัปเดตอะไร แล้วเติมข้อมูลที่ขาด
- อันดับเพิ่มขึ้น: เสริมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม
การปรับแต่งเนื้อหา (4 นาทีต่อสัปดาห์)
ใช้ 「Post Tracking」 และ 「SEO Writing Assistant」 เพื่อวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว:
ระบุเนื้อหาที่ไม่มีประสิทธิภาพ:
- บทความที่ CTR ต่ำกว่า 2% (แก้ไขหัวข้อและ meta description)
- บทความที่เวลาเข้าชมน้อยกว่า 1 นาที (เพิ่มกราฟหรือตัวอย่าง)
ตัวอย่าง: บทความ “เปรียบเทียบเครื่องชงกาแฟ” เพิ่มตารางเปรียบเทียบ 3 ตาราง ทำให้เวลาเข้าชมเพิ่มจาก 45 วินาทีเป็น 2 นาที 15 วินาที
วิธีการปรับแต่งเล็กน้อย:
- เพิ่มข้อมูลล่าสุด 2–3 จุด (เช่น รุ่นใหม่ปี 2024)
- เพิ่มสรุปข้อมูลสำคัญด้านบนของบทความ (ลดอัตราตีกลับ 5–8%)
- อัปเดตราคาและโปรโมชั่นที่ล้าสมัย
รายการตรวจสอบทั่วไป:
ตรวจสอบและอัปเดตข้อมูลสถิติ
เพิ่มรูปภาพใหม่ 1–2 รูป
เพิ่มคำถามที่พบบ่อย 1 ข้อ
ตรวจสอบความเหมาะสมของลิงก์ภายใน
การตรวจสอบทางเทคนิค (3 นาทีต่อสัปดาห์)
ใช้ฟังก์ชันสแกนด่วนของ 「Site Audit」:
ตรวจสอบตัวชี้วัดหลัก:
- ความเร็วการโหลดหน้า (ถ้าเกิน 3 วินาทีบนมือถือควรปรับปรุง)
- ข้อผิดพลาด 404 (ไม่ควรเกิน 2 ครั้งต่อเดือน)
- สถานะการจัดทำดัชนี (ตรวจสอบว่าหน้าสำคัญไม่ถูกบล็อกโดยไม่ได้ตั้งใจ)
ปัญหาที่ควรแก้ไขก่อน:
- ภาพที่ไม่มีแท็ก alt (ส่งผลต่อทราฟฟิกจากการค้นหารูปภาพ)
- meta description ซ้ำกัน (ทำให้ CTR ลดลง)
- ลิงก์ภายในที่เสีย (ทำให้คะแนนหน้าเว็บลดลง 1–3%)
บันทึกการบำรุงรักษา:
| วันที่ | ปัญหาที่พบ | วิธีแก้ไข | สถานะ |
|---|---|---|---|
| 20 พ.ค. | ความเร็วโหลดบนมือถือ 3.2 วินาที | บีบอัดรูปภาพ | แก้ไขแล้ว |
| 27 พ.ค. | เพิ่มข้อผิดพลาด 404 จำนวน 2 รายการ | ตั้งค่า 301 redirect | กำลังดำเนินการ |
การติดตามคู่แข่ง (อัตโนมัติ)
ตั้งค่าการแจ้งเตือนอัตโนมัติใน 「Competitor Tracking」:
จุดที่ควรติดตาม:
- เนื้อหาใหม่ที่คู่แข่งเผยแพร่
- คีย์เวิร์ดที่อันดับของคู่แข่งเพิ่มขึ้น
- ความถี่ในการอัปเดตเนื้อหา
กลยุทธ์การตอบสนอง:
- หากพบว่าคู่แข่งเพิ่มวิดีโอ ให้พิจารณาเพิ่มวิดีโออธิบายเช่นกัน
- หากคู่แข่งมีคีย์เวิร์ดที่อันดับพุ่งขึ้น ให้วิเคราะห์จุดที่เขาอัปเดต
ตัวอย่างบันทึก:
คู่แข่ง A เพิ่มอันดับคีย์เวิร์ด “รีวิวเครื่องชงกาแฟ” จากอันดับ 12 → 7 เพราะอัปเดตเนื้อหาเดือนมิถุนายน แนะนำให้อัปเดตบทความภายใน 1 สัปดาห์เพื่อแข่งขัน
สรุปแนวทาง
| ขั้นตอน | เวลา | เครื่องมือ | ผลลัพธ์ที่คาดหวัง |
|---|---|---|---|
| ติดตามอันดับ | 3 นาที | Position Tracking | ระบุคีย์เวิร์ดที่ต้องปรับปรุงทันที |
| ปรับแต่งเนื้อหา | 4 นาที | SEO Writing Assistant | เพิ่ม CTR และเวลาเข้าชม |
| ตรวจสอบเทคนิค | 3 นาที | Site Audit | รักษาความเร็วและโครงสร้างเว็บไซต์ |
รวมเวลาทั้งหมดต่อสัปดาห์: 10 นาที
ปฏิบัติตามอย่างต่อเนื่องภายใน 3 เดือน คุณจะเห็น:
- อันดับคีย์เวิร์ดหลักเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15–25%
- ทราฟฟิกออร์แกนิกเพิ่มขึ้น 30–50%
- อัตราการแปลงเพิ่มขึ้น 10–18%




