สามวิธีสำคัญในการปกป้องเว็บไซต์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ:
- บล็อกบอทเช่น SEMrushBot ในไฟล์ robots.txt (ลดการรั่วไหลของข้อมูลได้ 80%)
- ใช้ Cloudflare เพื่อบล็อกช่วง IP ที่ใช้ตรวจสอบราคา (เช่น 184.75.214.*)
- ตั้งยอดสั่งซื้อขั้นต่ำ $100 (ลดคำสั่งซื้อตรวจสอบได้ 92%)
ใช้ Google Images เพื่อตรวจสอบว่าภาพสินค้ารั่วไหลหรือไม่ในแต่ละเดือน
ข้อมูลแสดงว่าประมาณ 67% ของร้านค้าอิสระตรวจสอบคู่แข่งเป็นประจำ และ 40% คัดลอกสินค้าขายดีโดยตรง เครื่องมืออย่าง SEMrush และ Ahrefs สามารถดึงคำค้นหา SEO และกลยุทธ์โฆษณาของคุณได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่คำสั่งซื้อตรวจสอบอาจเปิดเผยพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ของคุณ แต่คุณสามารถโต้กลับได้ในต้นทุนต่ำ เช่น บล็อก SEMrushBot ใน robots.txt หรือใช้ Cloudflare เพื่อบล็อก IP ของ Ahrefs หรือกรองทราฟฟิกปลอมผ่าน GA4

Table of Contens
Toggleซ่อนแหล่งที่มาทราฟฟิกและข้อมูลผู้เข้าชม
มากกว่า 60% ของผู้ขายบน Shopify ใช้เครื่องมืออย่าง SimilarWeb และ SEMrush เพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาทราฟฟิก คำค้นหา และกลยุทธ์โฆษณาของคู่แข่ง เครื่องมือเหล่านี้สามารถแสดงสัดส่วนทราฟฟิกจากการค้นหาได้โดยตรง (เช่น “30% มาจาก Google Search”), แพลตฟอร์มโฆษณาที่จ่ายเงิน (เช่น Facebook 50%) และแม้แต่คำค้นหาเฉพาะ (เช่น “best wireless earbuds” มีผู้เข้าชม 15%)
Ahrefs และบอทอื่น ๆ สแกนหน้าสินค้าของคุณทุกชั่วโมง เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงราคาและสินค้าที่เพิ่มใหม่ หากไม่มีการป้องกัน กลยุทธ์การดำเนินงานของคุณอาจถูกลอกแบบได้ทั้งหมด
บล็อกเครื่องมือวิเคราะห์คู่แข่งไม่ให้เก็บข้อมูล
เครื่องมืออย่าง SEMrush, Ahrefs และ SimilarWeb ใช้บอทในการเก็บข้อมูลจากเว็บไซต์ คุณสามารถบล็อกการเข้าถึงได้โดยตรงในไฟล์ robots.txt เช่น ไปที่ “Online Store > Themes > Edit code” ในหลังบ้าน Shopify แล้วเพิ่มกฎต่อไปนี้:
User-agent: SemrushBot
Disallow: /
User-agent: AhrefsBot
Disallow: /
User-agent: MJ12bot
Disallow: /
แต่ควรระวังว่าเครื่องมือบางอย่าง (เช่น SimilarWeb) อาจประเมินทราฟฟิกผ่านข้อมูลจากบุคคลที่สาม ดังนั้นควรใช้ไฟร์วอลล์ของ Cloudflare เพื่อบล็อกเพิ่มเติม ในเมนู “Security > WAF” ของ Cloudflare ให้สร้างกฎกรอง IP เพื่อบล็อกช่วง IP ที่เป็นที่รู้จักของบอท (เช่น IP ของเซิร์ฟเวอร์ SEMrush: 185.191.32.0/22)
การทดสอบแสดงว่าวิธีนี้สามารถลดความเสี่ยงของการรั่วไหลของข้อมูลได้มากกว่า 80%
ป้องกันไม่ให้ข้อมูลใน Google Analytics ถูกเข้าถึงแบบสาธารณะ
Google Analytics จะแชร์ข้อมูลบางส่วนโดยอัตโนมัติสำหรับการเปรียบเทียบอุตสาหกรรม ไปที่ GA4 “Admin → Data Settings > Data Collection” แล้วปิด “Benchmarking Reports” และ “Technical Support”
เปิดใช้ “IP Anonymization” เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งติดตามแหล่งที่มาของผู้เข้าชมจาก IP ได้
หากเว็บไซต์ของคุณใช้พารามิเตอร์ UTM เพื่อติดตามโฆษณา (เช่น utm_source=facebook) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพารามิเตอร์เหล่านี้ไม่ปรากฏในหน้าสาธารณะ
คุณสามารถใช้ปลั๊กอิน Shopify (เช่น “UTM Guard”) เพื่อลบพารามิเตอร์ติดตามออกจาก URL โดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งวิเคราะห์กลยุทธ์โฆษณาของคุณ
จำกัดเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมไม่ให้บันทึกข้อมูล
เครื่องมืออย่าง Hotjar และ Mouseflow สามารถเล่นซ้ำพฤติกรรมการคลิกและเลื่อนของผู้ใช้ได้ ให้เปิด “IP Filtering” ใน Hotjar เพื่อยกเว้น IP ของคู่แข่ง และหลีกเลี่ยงการบันทึกหน้าที่มีความละเอียดอ่อน เช่น หน้าชำระเงิน เพื่อป้องกันกลยุทธ์การชำระเงินรั่วไหล
อีกความเสี่ยงหนึ่งคือ “Referer Leakage” ซึ่งเว็บไซต์อื่นสามารถรู้ได้ว่าผู้เข้าชมมาจากลิงก์ใดผ่านส่วนหัว HTTP
คุณสามารถไปที่ “Transform Rules” ใน Cloudflare เพื่อเพิ่มกฎลบ Referer เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งติดตามช่องทางโปรโมชันของคุณ
หลีกเลี่ยงการเปิดเผยซัพพลายเออร์และกลยุทธ์การตั้งราคา
การสำรวจพบว่าประมาณ 45% ของผู้ขาย Shopify เคยถูกคู่แข่งค้นหาซัพพลายเออร์ผ่านการค้นหาภาพย้อนกลับ เครื่องมือเปรียบเทียบราคา หรือแบบฟอร์มสอบถามราคาส่ง ตัวอย่างเช่น การใช้ฟังก์ชัน “ค้นหาด้วยภาพ” ของ 1688 หรือ AliExpress คู่แข่งสามารถค้นหาต้นตอของสินค้าคุณได้ภายในเพียง 10 นาที และอาจติดต่อโรงงานเพื่อขอราคาที่ต่ำกว่า
สำหรับการตั้งราคา เครื่องมืออย่าง Keepa และ CamelCamelCamel สามารถเก็บข้อมูลราคาย้อนหลังของคุณและวิเคราะห์รูปแบบส่วนลดได้
คู่แข่งบางรายอาจปลอมตัวเป็นลูกค้าราคาส่งเพื่อขอข้อมูลราคาขั้นบันไดผ่านแบบฟอร์ม
จัดการคุณลักษณะที่สามารถระบุตัวตนได้ในรูปภาพและคำอธิบายสินค้า
รูปภาพจากซัพพลายเออร์มักมีข้อมูล EXIF ที่สามารถติดตามได้ (เช่น รุ่นกล้องหรือเวลาถ่ายภาพ) และพื้นหลังเฉพาะ ใช้ฟังก์ชัน “File Info” ของ Photoshop เพื่อลบข้อมูลเหล่านี้ หรือใช้เครื่องมืออัตโนมัติอย่าง TinyPNG เพื่อลบข้อมูลเมตา
สำหรับภาพสินค้า ควรเปลี่ยนพื้นหลัง (ใช้ Remove.bg เป็นต้น) และปรับสีหรือตวามอิ่มสี ±5% การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถลดอัตราการจับคู่ภาพย้อนกลับได้72%
ในคำอธิบายสินค้า หลีกเลี่ยงการคัดลอกข้อความจากซัพพลายเออร์ เช่น เปลี่ยน “ผ้าฝ้าย 100%” เป็น “ผ่านมาตรฐานการระบายอากาศ ASTM D737” และเบลอข้อมูลส่วนประกอบสำคัญ เช่น แทนที่จะเขียน “มอเตอร์ไร้แปรง Nidec จากญี่ปุ่น” ให้ใช้ “มอเตอร์นำเข้า”
ตั้งระบบยืนยันตัวตนสำหรับการสั่งซื้อจำนวนมาก
เมื่อคู่แข่งส่งแบบฟอร์ม “Bulk Order” แนะนำให้ใช้การตรวจสอบ 3 ขั้นตอน:
- ใช้ปลั๊กอิน “Wholesale Lock Manager” เพื่อให้ลูกค้าส่งสำเนาใบอนุญาตธุรกิจ;
- ใช้ Veriff สำหรับตรวจสอบใบหน้าของนิติบุคคล (อัตราการยอมรับผิดพลาดเพียง 0.01%);
- ขอภาพหน้าจอธุรกรรมการสั่งซื้อล่าสุด (ตรวจสอบด้วยเครื่องมือตรวจจับ Photoshop)
สำหรับราคาขั้นบันได แนะนำให้ใช้ใบเสนอราคา PDF แทนการแสดงในหน้าเว็บ และฝังลายน้ำเฉพาะลูกค้าในไฟล์ ใช้ Shopify Script Editor เพื่อสร้างกฎการตั้งราคาที่เปลี่ยนแปลงได้ เมื่อ IP เดียวกันเข้าเยี่ยมชมหน้าราคาเกิน 1 ครั้ง ให้เรียก CAPTCHA โดยอัตโนมัติ
ป้องกันไม่ให้เครื่องมือตรวจสอบราคาดึงข้อมูล
สำหรับเครื่องมืออย่าง Keepa ให้ใส่โค้ดป้องกันบอทในไฟล์ theme.liquid ของ Shopify:
{% if request.host contains ‘keepa.com’ %}
<meta name=”robots” content=”noindex”>
{% endif %}
ใช้โหมดBot Fight Mode ของ Cloudflare เพื่อบล็อกบอทตรวจสอบราคาทั่วไป สำหรับราคาสำหรับสมาชิกให้ใช้การโหลดแบบ JavaScript แทนการแสดงผล HTML โดยตรง เครื่องมืออย่าง PriceGrabber จะเห็นเฉพาะราคาพื้นฐาน
สำหรับกลยุทธ์ส่วนลด ให้ใช้ Discount API ของ Shopify เพื่อสร้างระบบส่วนลดแบบสุ่ม เช่น เมื่อสินค้ามีมากกว่า 150 ชิ้น ให้สุ่มส่วนลด 3–7%
จำกัดคำสั่งซื้อตรวจสอบและเครื่องมือเก็บข้อมูล
ข้อมูลแสดงว่าประมาณ 38% ของผู้ขาย Shopify ได้รับคำสั่งซื้อตรวจสอบที่น่าสงสัย 5–20 รายการต่อสัปดาห์
คำสั่งซื้อเหล่านี้มักมีลักษณะดังนี้:
- ชำระด้วยบัตรเครดิตเสมือน
- ซื้อสินค้าราคาต่ำสุด
- ใช้ที่อยู่จัดส่งซ้ำกัน
บอทมืออาชีพสามารถสแกนเว็บไซต์ของคุณได้ 120–300 ครั้งต่อชั่วโมงเพื่อดึงข้อมูลสินค้า ราคา และสต็อก
ตามข้อมูลของ Cloudflare เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซโดยเฉลี่ยถูกบอทตรวจสอบราคาสแกน 23 ครั้งต่อวัน จาก IP ที่ทราบ เช่น 184.75.214.(PriceGrabber) และ 52.85.80.(Keepa)
ระบุและบล็อกคำสั่งซื้อตรวจสอบ
คำสั่งซื้อตรวจสอบมักใช้บัตรเติมเงินหรือบัตรเครดิตเสมือน มียอดอยู่ระหว่าง 1–5 ดอลลาร์ ไปที่ “Settings → Payment Providers” ใน Shopify แล้วเปิด “Manually review all orders” ระบบจะตรวจจับคำสั่งซื้อน่าสงสัยที่:
- ใช้บัตร Visa หรือ Mastercard เสมือน (BIN ขึ้นต้นด้วย 4485, 4856)
- สั่งซื้อมากกว่า 3 ครั้งจาก IP เดียวกันภายใน 24 ชั่วโมง
- ที่อยู่จัดส่งกับ IP ห่างกันเกิน 500 กม.
สำหรับร้านค้าส่ง แนะนำให้ติดตั้งปลั๊กอิน “MinMaxify” เพื่อตั้งยอดสั่งซื้อขั้นต่ำ (เช่น $100) ปลั๊กอินนี้จะยกเลิกคำสั่งซื้อที่ไม่ถึงยอดอัตโนมัติ ลดคำสั่งซื้อตรวจสอบได้ 92% นอกจากนี้ ใน “Settings → Checkout” ให้เปิด “Phone number verification” เพื่อให้ลูกค้ายืนยันทาง SMS ก่อนชำระเงิน
บล็อกการเก็บข้อมูลสินค้าจากบอท
บอทมักปลอมตัวเป็นเบราว์เซอร์ทั่วไป แต่มีลักษณะดังนี้:
- User-Agent มีคำว่า “bot”, “crawler” หรือ “spider”
- เข้าชมในจังหวะคงที่ (เช่น ทุก 30 วินาที)
- เข้าชมเฉพาะหน้าบางหน้า (เช่น /products.json)
ใน Cloudflare “Security → Bot Management” ให้เปิด “Super Bot Fight Mode” เพื่อบล็อกบอทที่รู้จักได้ถึง 85%
สำหรับบอทที่ซ่อนตัวเก่ง ให้เพิ่มกฎนี้ใน “Firewall Rules”:
(http.user_agent contains “python”) or
(http.user_agent contains “java”) or
(http.request.uri.path contains “/products.json”)
จากนั้นตั้งการทำงานเป็น “Block”
สำหรับข้อมูลสินค้า ใช้เทคนิค “LazyLoad” เพื่อโหลดเมื่อผู้ใช้เลื่อนถึงเท่านั้น:
- เพิ่มโค้ดนี้ใน theme.liquid: <img src=“placeholder.jpg” data-src=“real-product-image.jpg” class=“lazyload”>
วิธีนี้ทำให้บอทเห็นเพียงภาพชั่วคราว ไม่ใช่ภาพสินค้าจริง
ปกป้องข้อมูลราคาและสต็อก
บอทตรวจสอบราคามักสแกนหน้าต่อไปนี้:
- /cart/add.js (เพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงราคา)
- /products/*.json (เพื่อดึงข้อมูลสินค้า)
- /inventory_policies (เพื่อดูนโยบายสต็อก)
ไปที่ “Theme → Edit code” ใน Shopify แล้วเปิดไฟล์ cart-template.liquid และแก้โค้ดปุ่ม “เพิ่มลงในรถเข็น”:
<button type=”submit” name=”add”
data-price=”{{ product.price | money_without_currency }}”
data-available=”{{ product.available }}”>
เพิ่มลงในรถเข็น
</button>
เก็บข้อมูลราคาและสต็อกไว้ใน data attributes แทนที่จะแสดงใน HTML โดยตรง
สำหรับราคาสำหรับลูกค้าส่ง ใช้ปลั๊กอิน “Locked Content” เพื่อจำกัดการเข้าถึง ปลั๊กอินนี้จะตรวจสอบว่าผู้ใช้ล็อกอินและได้รับการยืนยันก่อนแสดงราคา
การทดสอบแสดงว่าวิธีนี้สามารถลดการรั่วไหลของข้อมูลราคาได้ 76%
สำหรับการจัดการสต็อก หลีกเลี่ยงการแสดงตัวเลขที่แน่นอน ใช้ข้อความแทน เช่น:
- เปลี่ยน “สต็อก: 125 ชิ้น” เป็น “มีสินค้า”
- เปลี่ยน “เหลือเพียง 3 ชิ้น” เป็น “สินค้ามีจำกัด”
- นำสินค้าที่หมดออกจากร้านทันทีแทนการแสดง “หมดสต็อก”




